เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๕ ก.ค. ๒๕๕๘

 

เทศน์เช้า วันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๕๘
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

ตั้งใจฟังธรรมะเนาะ ฟังธรรมๆ เราขวนขวายมีอาชีพเพื่อเลี้ยงร่างกายของเรา เลี้ยงร่างกายของเรา เลี้ยงชีวิตไง เราต้องมีปัจจัยเครื่องอาศัยเพื่อดำรงชีวิต เราแสวงหามาเพื่อดำรงชีวิต เวลาคนเกิดมา เกิดมาชาตินี้ทำไมมันทุกข์นัก เวลามันทุกข์มันยาก ดูสิดูภัยแล้งเขามีความทุกข์ความยากกันมาก มีความทุกข์ความยาก ชีวิตนี้ทำไมมันแสนทุกข์แสนยาก เวลาแสนทุกข์แสนยากนะ แสนทุกข์แสนยากเพราะเราไม่มีธรรมะไง

พอไม่มีธรรมะ ธรรมะคืออะไร ธรรมโอสถ ธรรมโอสถคือสัจธรรม สัจธรรมถ้าเราเข้าใจสัจธรรมนั้นแล้ว สัจธรรม ถ้าเราเข้าใจสัจธรรม ทุกข์มันก็เป็นอริยสัจ ทุกข์มันเป็นความจริง มันเข้าใจสิ่งนี้ได้ไง ในเมื่อเราต้องทำหน้าที่การงาน ต้องปากกัดตีนถีบ ต้องพยายามหาเลี้ยงชีพมันก็เป็นหน้าที่ของเรา เพราะเราเกิดเป็นมนุษย์ ดูสัตว์นักล่านะ เวลาสัตว์นักล่าเวลามันไม่มีเหยื่อมันทุกข์มันยากของมันเต็มที่นะ

เวลาสัตว์กินพืช เวลาหน้าแล้งขึ้นมาเขาต้องมีกวาง มีฟางหญ้าไปเป็นอาหารของมัน มันก็หาปัจจัยเครื่องอาศัยของมันถ้ามันเป็นสัตว์ป่า สัตว์ป่าเวลามันทุกข์มันยากขึ้นมามันออกไปกินพืชไร่ของชาวบ้านเขา เขาก็ทำร้ายมัน อยู่ในป่าถ้ามันดำรงชีพของมันโดยความประมาท มันก็ต้องพลีชีพมันเพื่อเป็นอาหารให้คนอื่น

วัฏฏะ การเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ ไม่ใช่ว่าสัตว์มันเป็นอย่างนั้นตลอดไป แล้วเราจะเป็นมนุษย์ตลอดไป มันอยู่ที่เวรที่กรรมของคน เวรกรรมของคนมันแปรสภาพของมันไป แต่ในชาติปัจจุบันนี้เราเกิดมาเป็นมนุษย์ เกิดเป็นมนุษย์เป็นอริยทรัพย์ เป็นอริยทรัพย์ที่ไหน เป็นอริยทรัพย์ที่มีปัญญา มีปัญญา เราหาอยู่หากินของเรา ถ้ามันทุกข์มันยากขึ้นมาเราพยายามแสวงหาโดยใช้สติปัญญาของเรา

ชีวิตนี้ทำไมมันทุกข์ยากนัก แสนทุกข์แสนยาก แสนทุกข์แสนยากเพราะอะไร เพราะเราไม่มีธรรมะจริงๆ ถ้ามีธรรมะขึ้นมานะมันปล่อยวางไง พอจิตใจมันปล่อยวางนะ อ๋อ ถ้าจิตใจไม่ปล่อยวางนะ เวลาคนเจ็บคนป่วย หลวงตาท่านบอกว่าอย่าให้ป่วยสองคนนะ เวลาเจ็บไข้ได้ป่วยให้ป่วยคนเดียว ให้ร่างกายมันเจ็บป่วย หัวใจอย่าไปเจ็บป่วยกับมัน หัวใจถ้าเข้มแข็งขึ้นมาหัวใจจะดูแลรักษา เวลาคนเจ็บไข้ได้ป่วยก็เจ็บสองคน ร่างกายมันก็เจ็บไข้ได้ป่วย หัวใจมันก็เศร้าหมอง หัวใจมันทุกข์มันยากไปด้วย

ถ้าหัวใจมันทุกข์มันยากไปด้วย การรักษานี้มันก็ลำบากขึ้นมา ถ้าหัวใจมันเข้มแข็งขึ้นมา ความทุกข์ ความเจ็บไข้ได้ป่วยเป็นเรื่องธรรมดา ถ้าเรื่องธรรมดา จิตใจเราชื่นบาน เราพยายามรักษามัน รักษาร่างกายนี้ คนที่ร่างกายแข็งแรง จิตใจแข็งแรง เขาทำสิ่งใดก็ประสบความสำเร็จของเขา ร่างกายของเราอ่อนแอ จิตใจของเราเข้มแข็งเราก็พอทนไปได้ ถ้าร่างกายเราอ่อนแอด้วย จิตใจเราอ่อนแอด้วย เรามีแต่ความทุกข์ความยากไปทั้งนั้นแหละ ทำไมชีวิตมันทุกข์ยากนัก มันทุกข์ยากเพราะว่าเราไม่ได้ศึกษาธรรมะแหละ

ถ้าศึกษาธรรมะนะ สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีการเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งทั้งหลายทั้งปวงต้องดับไปเป็นธรรมดา มันเป็นธรรมดาของมัน มันเกิดขึ้นอย่างนี้ มันตั้งอยู่อย่างนี้ แล้วใครมีสติปัญญาก็มาใช้ประโยชน์จากมันแหละ ใครมีสติปัญญาก็ใช้ประโยชน์สิ่งนี้หาเลี้ยงชีพ แล้วใครมีสติปัญญาหาสิ่งใดไว้เป็นสมบัติของเรา เป็นปัจจัยเครื่องอาศัย แล้วเราเสียสละทาน เสียสละทานไปสร้างอำนาจวาสนาบารมีของเรา เราสร้างอำนาจวาสนาบารมีของเราเพราะเราพอใจ เราอยากให้ มันไม่ใช่มีใครมาคดโกงเรา เราอยากให้ เราอยากให้ อยากให้เพื่อสังคมร่มเย็นเป็นสุข เราอยากให้

พอเราอยากให้ ทำไมเวลาชีวิตนี้มันทุกข์ยากนัก หาอยู่หากินก็ลำบากขนาดนั้นแล้ว เราหามาแล้วทำไมพอใจอยากจะให้เขาอีกล่ะ ถ้ามันมีคุณธรรมขึ้นมาในหัวใจ ถ้ามันมีคุณธรรมในหัวใจขึ้นมามันทำสิ่งนั้น มันเป็นเรื่องของวัตถุ บุญกิริยาวัตถุ เวลานั่งภาวนาเราถวายองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยร่างกายเราเลยนะ เราถวายด้วยร่างกาย เขาถวายด้วยปัจจัยเครื่องอาศัย เราถึงเวลาเราจะนั่งสมาธิเราถวายองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

พุทธะ เขาบูชายันต์ๆ ลัทธิศาสนาอื่นเขาบูชายันต์ เขาฆ่าสัตว์ เขาฆ่าคนเพื่อบูชายันต์ เราจะฆ่ากิเลส เราจะบูชายันต์ กิเลสทำลายมัน เรานั่งสมาธิภาวนาเพื่อถวายองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วกิเลสตัณหาความทะยานอยากมันพลิกมันแพลงของมัน มันไม่ยอมรับ เราจะบูชายันต์มัน บูชายันต์กิเลสตัณหาความทะยานอยากด้วยศีล ด้วยสมาธิ ด้วยปัญญา ด้วยขันติธรรม ด้วยความเป็นจริงของเรา

ถ้าทำความสงบของใจเข้ามาได้ ผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเห็นตถาคต เราจะเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่ามกลางหัวใจของเรา ถ้าเราจะเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่ามกลางหัวใจของเรามันจะมีความสุข ชีวิตนี้มันทุกข์นัก มันทุกข์เพราะเราแสวงหาฟืนหาไฟมาใส่ตัวมันเองไง ชีวิตนี้มันทุกข์นัก เราจะหาคุณธรรมในหัวใจของเรา เราพยายามมีสติมีปัญญา พยายามจะดูแลหัวใจของเรา พยายามตั้งสติกำหนดพุทโธ ใช้ปัญญาอบรมสมาธิให้มันสงบระงับเข้ามา ทำไมมันมีความสุขล่ะ ชีวิตที่แสนทุกข์แสนยากทำไมมีความสุข แล้วมันสุขมาจากไหนล่ะ

ความสุขทางโลกเขา เขาแสวงหาของเขา เขาพยายามดิ้นรนของเขา เขาวิดแม่น้ำทั้งสายเพื่อเอาปลาตัวเดียวมันทุกข์ยากขนาดนั้น ของเราเราบูชายันต์กิเลส เราเอากิเลสบูชายันต์องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราพยายามขวนขวายของเรา พยายามมีขันติธรรมของเรา พยายามมีพุทธานุสติ พยายามทำหัวใจของเราให้สงบเข้ามา เวลามันสงบเข้ามามันว่าง มันปล่อยวาง คำว่าปล่อยวางมันมีสติมีปัญญานะ สิ่งที่สมบูรณ์แบบ

ของที่สมบูรณ์แบบมันไม่มีความบกพร่อง มันอิ่มเต็มของมัน แต่ในปัจจุบันนี้เราว่าว่างๆ ว่างๆ มันไม่สมบูรณ์แบบไง มันไม่อิ่มเต็มของมันไง มันไม่อิ่มไม่เต็มของมัน มันยังขาดตกบกพร่องอยู่ แต่เราทำได้ขนาดนั้นมันก็เป็นอำนาจวาสนาของเรา เราต้องทำต่อเนื่องของเราขึ้นไปไง แต่ถ้าเป็นความจริงมันอิ่มเต็มของมัน มันไม่ขวนขวาย ไม่หยิบฟืนหยิบไฟ ไม่ไปหยิบสิ่งต่างๆ กิเลสตัณหาความทะยานอยากไปยุไปแหย่ เราไปกว้านฟืนเอาไฟมาเผาตัวเราเอง อ้าว ถ้ามันกว้านฟืนกว้านไฟมาเผาตัวเอง แล้วเราไม่ต้องทำมาหากินหรือ

ทำมาหากินโดยสัจจะ โดยหน้าที่มันไม่ทุกข์ยากขนาดนี้หรอก ไอ้ที่ว่าเราทำมาหากิน ทำมาหากินมันเป็นหน้าที่การงานของเราใช่ไหม แต่ไอ้ยุแหย่ ไอ้น้อยเนื้อต่ำใจ ไอ้ที่ไม่พอใจ ไอ้ความอยากได้โดยไม่มีเหตุมีผลอันนั้นมันทำให้เราทุกข์ นั่นล่ะคือกิเลสตัณหาความทะยานอยาก การทำหน้าที่การงานมันเป็นสัจจะ เป็นมรรคด้วย เป็นมรรคเป็นหน้าที่ของเรานะ คนเราจะล่วงพ้นทุกข์ด้วยความเพียร ความวิริยะ ความอุตสาหะ เขามีสติมีปัญญาของเขา เขาประสบความสำเร็จในชีวิตของเขา ถ้าเราขาดตกบกพร่องเราก็มีสติปัญญาพยายามแก้ไขของเรา

มันเป็นหน้าที่ต่างหาก ความเป็นหน้าที่ต่างหาก แต่กิเลสตัณหาความทะยานอยากที่มันยุแหย่นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่งนะ มันอีกเรื่องหนึ่งๆ ถ้าเราจะบูชายันต์มัน ไอ้กิเลสตัณหาความทะยานอยาก บูชายันต์มัน บูชาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตั้งสติปัญญาของเรา ชีวิตมันทุกข์นักๆ ถ้ามีสติปัญญานะเราดูลูกหลานของเรา เราพยายามดูสิ่งแวดล้อมของเรา เราพยายามฝึกฝนเขามา เวลามันเกิดอุปสรรคขึ้นมามันไม่อับจนนะ

เวลาภัยแล้ง ดูสิเวลาน้ำท่วม เวลาคนทุกข์คนยากเขาทนไม่ได้ เขาทำร้ายตัวเอง เขาฆ่าตัวตายไป เขาฆ่าตัวตายไป ชีวิตมันอับจนขนาดนั้นเชียวหรือ ชีวิตมันอับจนอย่างนั้นเพราะมันมีเหตุไง เวลามันอับจนขึ้นมามันไม่มีทางออก แต่ของเราเราฝึกหัดของเราขึ้นมา เด็กน้อยเราพามาวัดมาวา ให้เห็นว่าสัจธรรมมันเป็นแบบนี้ เราเห็นความรุ่งเรืองของมัน เราเห็นความตกต่ำของมัน มันเป็นของมันอยู่อย่างนั้นแหละ มันมีความรุ่งเรืองแล้วมันมีความตกต่ำ มันเป็นวงจรของมันอยู่อย่างนั้น มันมีเจริญแล้วก็มีเสื่อมเป็นเรื่องธรรมดา

ถ้ามันเรื่องธรรมดา สิ่งที่ธรรมดาไป สิ่งที่เหลือก็ยังเหลือชีวิตเราไง เหลือชีวิตเราให้เห็นน้ำท่วม เห็นภัยแล้ง เห็นต่างๆ ที่มันเป็นฤดูกาล เราได้รู้ได้เห็น เราได้รู้ได้เห็น ชีวิตเราไม่อับจนขนาดนั้น ชีวิตเราไม่อับจนขนาดนั้นเราก็มีปัญญามีทางออก มันอยู่ที่เราฝึกฝนไง ถ้าเราฝึกฝน เราดูแลเรารักษาขึ้นมา เด็กก็เหมือนกันเราฝึกฝนมันขึ้นมา มันเป็นเรื่องธรรมดา แต่ถ้ามันไม่มีเรื่องธรรมดามันรับไม่ได้ มันรับไม่ได้

เด็กมันยอมรับอะไรไม่ได้เลย ไม่ได้ดั่งใจมันไม่ยอมรับอะไรเลย แล้วพอเป็นผู้ใหญ่มา มีสิ่งใดกระเทือนหัวใจรับไม่ได้เลย รับไม่ได้เลยเพราะการฝึกฝน ถ้าเราฝึกฝน สภาวะแวดล้อมเราฝึกฝนขึ้นมา มันก็เป็นหน้าที่ของพ่อแม่ หน้าที่ของสังคมที่ดูแล ดูแลอนุชนรุ่นหลังของเรา แต่ถ้ามันเป็นเวรเป็นกรรมนะ พันธุกรรมของจิตๆ ถ้าจิตมันสร้างมาอย่างนั้น เราอบรมขนาดไหนมันก็เป็นอยู่อย่างนั้น มันก็เป็นกรรมของสัตว์ เราไม่มีอำนาจเหนือกรรมไง

กรรมจำแนกสัตว์ให้เกิดต่างๆ กัน ถ้ากรรมจำแนกสัตว์ให้เกิดต่างๆ กันนะ พอเกิดมาเป็นชาติเป็นตระกูลเดียวกันเราก็ดูแล เราก็ช่วยเหลือเต็มที่ แต่ถึงที่สุดแล้วมันก็เป็นเวรเป็นกรรม กรรมของสัตว์ๆ มันไม่ถึงเวล่ำเวลา ถ้าถึงเวลาแล้วมันก็เข้าใจกันได้ แต่ถ้ายังไม่ถึงเวลายังเข้าใจกันไม่ได้เราต้องมีสติปัญญาอย่างนี้ไง ชีวิตเราไม่อับจนจนเกินไป ถ้าเรามีสัจธรรม มีคุณธรรมในหัวใจ ชีวิตเราไม่อับจนขนาดนั้น เราก็ยังเหลือชีวิตเราไว้ เรายังมีความรู้สึกของเราอยู่ ดูสภาพความแปรปรวนของมัน มันแปรปรวนของมันอยู่อย่างนี้ทั้งข้างนอกและข้างใน

ข้างนอกภาวะของสังคม ภาวะของแร่ธาตุมันก็แปรปรวนของมันอยู่อย่างนั้น ความรู้สึกในใจของเรามันก็แปรปรวนอยู่อย่างนั้น ความแปรปรวนอย่างนั้นที่เราทำสมาธิกัน เราทำสมาธิกันไม่ให้มันแปรปรวนไง ถ้าจิตมันสงบเข้ามาแล้วมันอิ่มเต็มของมัน ศีล สมาธิ ปัญญา เพราะมันมีสมาธิ พอมีสมาธิจิตของเรามันไม่เร่าร้อนจนเกินไป จิตของเราไม่ให้กิเลสตัณหาความทะยานอยากมันหลอกลวง มันยุมันแหย่ มันไปกว้านฟืนกว้านไฟเข้ามาสู่ตัวมัน

เวลาจิตมันสงบแล้วจะยกขึ้นสู่วิปัสสนา ยกขึ้นสู่ปัญญา มันจะเกิดมรรค เกิดผล มันก็ทำของมันไม่เป็นอีก พอทำไม่เป็นเพราะอะไร เพราะถ้าขิปปาภิญญา ผู้ที่ปฏิบัติง่ายรู้ง่ายเขาได้สร้างบุญกุศลของเขามา ดูสิดูเชาวน์ปัญญาของคน ทำไมเขาคิดได้ ทำไมเขาพิจารณาได้ ทำไมเราพิจารณาไม่ได้ อันนี้กุสลา ธัมมา อกุสลา ธัมมา ไม่ต้องไปแข่งขันกัน ถ้าเขาทำได้สาธุ ครูบาอาจารย์ถ้าท่านปฏิบัติได้สาธุ ท่านปฏิบัติได้ท่านจะได้เป็นครูบาอาจารย์ของเรา

ใครปฏิบัติได้สาธุ แต่ถ้าของเราปฏิบัติยังไม่ได้ ขาวกับดำ ถ้ามันเป็นสีดำอยู่ ถ้ามันพัฒนาขึ้นมาก็เป็นสีเทา มันยังไม่ถึงสีขาว ถ้าเราพิจารณาต่อเนื่องไป ดำมันก็ไปขาว ถ้ามันเทาๆ เทาๆ เทาๆ เราก็ทำของเรา เราพยายามของเรา คำว่าเทาๆ เทาๆ เวลามันพิจารณาไปมันต้องมีของมัน ระหว่างไง เราทำงานอยู่ งานยังไม่เสร็จมันก็คือยังไม่เสร็จ อุปกรณ์มันเกลื่อนกลาดไปหมดแหละ แต่พอทำเสร็จแล้ว เก็บเสร็จแล้วมันก็จบ

นี่ก็เหมือนกัน เวลาทำงานมันก็เป็นอย่างนั้นแหละ มันดำๆ มา มันทำไม่ดีมันก็เป็นเทาๆ มา มันจะดีขึ้น ถ้าดีขึ้น ถ้ามันดีที่สุด ถ้ามันขาวสะอาดไปเลยมันก็จบ ถ้ามันยังไม่ขาวสะอาดอยู่มันก็ปฏิบัติเพื่ออำนาจวาสนาของเรา ปฏิบัติเพื่อ ปฏิบัติบูชาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้ามันยังไม่เป็นสัจธรรมเป็นความจริงเราก็ปฏิบัติบูชาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราทำของเราไป ทาน ศีล ภาวนา ระดับของทานก็เป็นเรื่องของทาน ถ้าระดับของศีลก็เป็นเรื่องของศีล ระดับภาวนา ภาวนาทำอะไรกัน นั่งเฉยๆ หรือเป็นงาน ตั้งสติกำหนดลมเข้าลมออกหรือเป็นงาน

เป็นสิ ยอดงานเลยล่ะ ยอดงานเพราะอะไร เพราะผู้ที่บริหารเขารับผิดชอบใช่ไหม ไอ้นี่เราก็ดูแลหัวใจของเราใช่ไหม หัวใจที่เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ มันทุกข์มันยากอยู่ ชีวิตนี้มันทุกข์ยากนัก แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกว่ามันเป็นอริยสัจ มันเป็นสัจจะ มันเป็นความจริง ถ้าเป็นความจริงขึ้นไป พอเผชิญกับความจริงขึ้นมา ทุกข์เพราะเหตุใด ทุกข์เพราะตัณหาความทะยานอยาก เพราะสมุทัย ทุกข์ควรกำหนด สมุทัยควรละ เขาไปละกันที่นั่น เขาไม่ละกันที่นี่

มันเป็นอย่างนี้ ความรู้สึกมันเป็นแบบนี้ ร่างกายมันเป็นแบบนี้ ต้องเสื่อมสภาพไปเป็นธรรมดา แต่เขาไปละกันที่สมุทัย ตัณหาความทะยานอยาก ถ้าละที่นั่นจบที่นั่น มันก็เป็นของมัน เป็นสอุปาทิเสสนิพพาน ขันธ์ ๕ เป็นภาระ ความคิดที่สะอาดบริสุทธิ์ ความคิดสะอาดบริสุทธิ์มีด้วยหรือ มี ความคิดของพระอรหันต์ไง ความคิดของพระอรหันต์สะอาดบริสุทธิ์เพราะไม่มีกิเลสตัณหาความทะยานอยาก แต่ความคิดของเราความคิดจากอวิชชา จากมาร มันต่างกันตรงนี้ไง

แต่เวลาถ้ามันทำความสะอาดบริสุทธิ์ไปแล้ว ขันธ์มันก็เป็นขันธ์ ร่างกายก็เป็นร่างกาย องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเวลาตรัสรู้ธรรมเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว นั่นล่ะสอุปาทิเสสนิพพาน จิตมันพ้นไปแล้ว ความคิดถึงได้สะอาดบริสุทธิ์ไง แต่ความคิดของเราเดี๋ยวก็ดี เดี๋ยวก็ร้าย ถ้ามีคุณธรรมในหัวใจ เราพยายามส่งเสริมขึ้นมา มันก็ดีอยู่พักหนึ่ง เผลอไปออกอีกแล้ว ไอ้ที่ความคิดดีๆ มันหายไปไหนหมด ไอ้ความคิดน้อยเนื้อต่ำใจ ไอ้ความคิดทำลายตัวเองทำไมมันไม่ต้องไปคิดมันมาได้เลย แต่ไอ้ความคิดดีๆ ทำไมไม่อยู่กับเรา ไม่อยู่กับเรา

นี่ไงจากดำไปเทาๆ พัฒนาของเรา ทำของเราขึ้นไป มันยังไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นความจริงเราก็พยายามขวนขวายของเรา ต้องขวนขวาย เดี๋ยวเสร็จแล้วถ้าใครตักอาหารใส่จานแล้วใครได้ทานอาหารคนนั้นก็ได้อิ่มท้อง ถ้าใครไม่ลุกขึ้นไปตักอาหารคนนั้นก็จะไม่ได้อาหารทานแล้วจะไม่อิ่มท้อง ถ้าเราไม่มีความเพียร ความวิริยะ ความอุตสาหะของเรา ใจของเรามันจะเอาอะไรกินล่ะ ใจของเรามันจะกินอะไรล่ะ เราไม่มีสติ ไม่มีสมาธิ ไม่มีปัญญาเลย แล้วใจมันจะกินอะไรล่ะ

เราไม่เอาอาหารให้มันกิน เราไม่มีมรรค เราไม่มีความเพียรชอบ ความเพียร ความวิริยะ ความอุตสาหะเราไม่มีให้ใจเราได้สัมผัส แล้วเราไม่มีสิ่งใดให้ใจเราได้สัมผัส ใจของเราได้ดื่มกิน แล้วมันหิวกระหายอยู่อย่างนั้น แล้วใครจะช่วยเหลือมันล่ะ ใจดวงนี้ใครจะช่วยเหลือ ทานก็คือทาน ศีลก็คือศีล สมาธิก็คือสมาธิ ปัญญาก็คือปัญญา แต่ถ้าใครทำขึ้นมามันก็เป็นของใจดวงนั้น ถ้าใจดวงนั้นทำขึ้นมามันก็เป็นสมบัติของใจดวงนั้น ถ้าใจดวงนั้นทำขึ้นมาเรามีปัญญา

ปัญญาที่เราทำกันอยู่นี้เป็นโลกียปัญญา เราพยายามสร้างสม สุตมยปัญญา จินตมยปัญญา ภาวนามยปัญญา พยายามฝึกหัดให้หัวใจมีมรรค มีมรรคก็คืออาหาร อาหารพอมันได้กิน ได้ดื่มกิน ถ้าอาหารที่มันสะอาดบริสุทธิ์มันก็เป็นประโยชน์กับใจดวงนั้น ถ้าเป็นกิเลสตัณหาความทะยานอยาก เป็นกงจักร ถ้ามันเป็นกงจักรมันมีแต่ฟืนแต่ไฟมันก็แผดเผาหัวใจดวงนั้น เหมือนอาหาร อาหารที่เป็นพิษ กินเข้าไปมันก็เจ็บไข้ได้ป่วย อาหารที่สะอาดบริสุทธิ์ กินเข้าไปแล้วก็เป็นประโยชน์กับร่างกาย

มรรค ถ้าเป็นสัมมาทิฏฐิ สัมมากัมมันโต งานชอบ เพียรชอบ ระลึกชอบ ความเพียรชอบธรรม มันก็จะเป็นคุณประโยชน์กับหัวใจดวงนี้ ถ้ามันเป็นมิจฉา มิจฉามันก็หลงใหลได้ปลื้ม มันก็มีแต่จินตนาการของมันไป อันนั้นอาหารเป็นพิษ ถ้าอาหารเป็นพิษ ใจมันได้กินอาหารอย่างนั้น จิตใจก็ไม่แข็งแรงขึ้นมา เราทำของเราเพื่อเหตุนี้ไง ฟังธรรมๆ เพื่อเหตุนี้ เวลาย้อนกลับมาเราว่าชีวิตทำไมมันทุกข์นัก ชีวิตทำไมอับจนนัก

ทำไมชีวิตมันทุกข์นัก ทำไมชีวิตอับจนนักล่ะเพราะอะไร เพราะกิเลสตัณหาความทะยานอยากมันไปกดถ่วงไง แต่ถ้าเราฟังธรรมๆ ธรรมโอสถพยายามฟื้นฟูหัวใจเข้มแข็งขึ้นมา อ๋อ เรื่องธรรมดา มันปล่อยวาง โอ๋ย สบายนะ ทั้งๆ ที่คนเก่านั่นแหละ อยู่ในหน้าที่การงานอันเก่านั่นแหละ แต่ความคิดอันใหม่ พอความคิดอันใหม่มันปล่อยวางได้หมดเลย ธรรมโอสถ เราเอาธรรมนี้เพื่อให้หัวใจเราได้ดื่มกิน ให้หัวใจเรามีสติปัญญา

การฟังธรรมๆ การตอกย้ำ การฟังธรรมจากครูบาอาจารย์มันมาจากข้างนอก แต่เวลาเราคิดเอง เราคิดเอง เราบริหารจัดการเองมันมาจากหัวใจ ถ้ามันมาจากหัวใจเขาเรียกปัจจัตตัง สันทิฏฐิโก คือคนที่ช่วยตัวเองได้ แต่ถ้าเราอาศัยครูบาอาจารย์มันก็เหมือนเราอาศัยคนชี้นำ อาศัยคนดูแลรักษา แต่ถ้าเราทำเองมันเป็นประโยชน์กับเราเองทั้งหมดเลย ต้องฝึกหัด ฝึกหัดให้เป็นขึ้นมา มันจะเป็นสมบัติของเรา อัตตสมบัติท่ามกลางหัวใจดวงนั้น เอวัง